ประวัติความเป็นมาของป่าชายเลนคลองโคน
ป่าชายเลน ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
ป่าชายเลนคลองโคนในอดีตนั้น มีพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่นานาชนิด มีระบบนิเวศที่ดี มีกุ้งหอยปูปลาชุกชุม ชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองฝั่งคลองสามารถทำมาหากันอย่างไม่อดอยาก ป่าชายเลนคลองโคนแต่ก่อนนั้น มีเนื้อที่มากกว่า 70,000 ไร่ แต่เนื่องจากการแปรสภาพของน้ำทะเล,การลักลอบตัดไม้รวมถึงการถางป่าเพื่อทำเป็นนากุ้งปัจจัยเหล่านี้เองที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของป่า นั่นก็คือ จำนวนป่าลดน้อยลงจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 การทำนากุ้งล้มเหลว แต่สิ่งที่ยังคงเหลือไว้นั่นก็คือพื้นที่ว่างๆ ที่แต่ก่อนเคยเป็นป่านั่นเองจึงเป็นสาเหตุทำให้ป่าชายเลนลดลงจนเหลือเพียง 1,000 ไร่ พร้อมๆกับระบบนิเวศป่าชายเลนที่เสื่อมโทรมลง
มนต์เสน่ห์ทะเลโคลนแห่งแรกอยู่ที่ "ชุมชนคลองโคน" อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ชุมชนตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวแม่กลอง คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งออกเรือหาปลา ทำฟาร์มหอยแครง หอยแมลงภู่
พิร์นิธิ รัตนพงศ์ธระ รองประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองโคน ทายาทของผู้ใหญ่ไพบูลย์(ชงค์) ผู้บุกเบิกวิสาหกิจชุมชนชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คลองโคน เล่าถึงจุดกำเนิดของชุมชนแห่งนี้ว่า
ในอดีตระหว่างปี พ.ศ. 2529-2533จ.สมุทรสงคราม มีการบุกเบิกพื้นที่เลี้ยงกุ้งกุลาดำกันในผืนป่าชายเลนด้านติดอ่าวไทยเป็นจำนวนมาก สารเคมีจากนากุ้งถูกทิ้งลงทะเลส่งผลเสียต่อระบบนิเวศบริเวณปากอ่าวเป็นอย่างมาก จนกระทั่งชาวบ้านที่เล็งเห็นปัญหาได้ร่วมกันหาทาง จึงเริ่มฟื้นฟูป่าชายเลน ตั้งแต่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2524 เพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ก่อนจะปลูกป่าชายเลนต่อเนื่องเรื่อยมา ซึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนสยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จมาเป็นขวัญกำลังใจถึง5ครั้ง มีต้นไม้ที่ทรงปลูกอยู่ถึง5แปลง โดยจากการคาดคะเนของผู้มีประสบการณ์ คาดว่าขณะนี้คลองโคนน่าจะได้ผืนป่าชายเลนคืนมากว่า5,000ไร่
เมื่อป่าชายเลนกลับมา ชุมชนมีความพร้อม ชาวบ้านส่วนหนึ่งจึงรวมตัวกันจัดตั้งโครงการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมขึ้นในปี พ.ศ. 2547เพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับชุมชนและช่วยในเรื่องการอนุรักษ์ป่าชายเลนด้วยความร่วมมือของนักท่องเที่ยว โดยมีการแบ่งการทำงานในชุมชนเป็น5กลุ่มย่อย คือ กลุ่มเพาะต้นกล้า กลุ่มเรือ กลุ่มทำกะเตงกลางทะเล กลุ่มทำอาหาร กลุ่มทำโฮมสเตย์